อินเตอร์ มิลาน ตกรอบอย่างน่าตกใจเมื่อโบโลญญ่าสร้างปาฏิหาริย์ในรอบ 30 ปีเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศซูเปอร์คัพอิตาลี บาสโตนี่ ยิงจุดโทษ
ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศศึกซูเปอร์คัพอิตาลีที่เพิ่งจบลง อินเตอร์ มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อพ่ายแพ้ต่อโบโลญญาด้วยสกอร์ 3-4 ในช่วงการดวลจุดโทษ และต้องตกรอบในรอบรองชนะเลิศอย่างไม่คาดคิด ผลการแข่งขันนี้สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอลนับไม่ถ้วน และสร้างความพลิกผันครั้งใหญ่ให้กับศึกกัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลนี้

อินเตอร์ มิลาน ได้ทำผลงานในลีกอย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันครองตำแหน่งจ่าฝูงของตารางด้วยคะแนน 33 คะแนน จากการชนะ 11 นัด และแพ้ 4 นัด พวกเขามีคะแนนนำหน้าคู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน และ นาโปลี อยู่เพียง 1 และ 2 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งบ่งชี้ว่าการแข่งขันในลีกนี้เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและมีการแข่งขันอย่างใกล้ชิดฟอร์มการเล่นล่าสุดของพวกเขามีความสม่ำเสมออย่างน่าทึ่ง โดยคว้าชัยชนะได้สี่นัดและแพ้เพียงหนึ่งนัดจากห้าเกมหลังสุดในทุกรายการ ความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเกิดขึ้นในเกมเยือนแชมเปียนส์ลีกกับลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตาม ทีมแกร่งนี้ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้ในรอบรองชนะเลิศซูเปอร์คัพอิตาลี ซึ่งโบโลญญาได้หยุดยั้งพวกเขาไว้ ไม่ให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ตั้งแต่เริ่มต้น อินเตอร์ มิลาน ใช้แผนการเล่น 3-5-2 โดยมี บาสโตนี, เดอ ลิกต์ และ บิสเซ็ค เป็นสามกองหลัง มิดฟิลด์ห้าคนประกอบด้วย ดิมาร์โก, มคิทาร์ยาน, เซียลินสกี้, บาร์เรลา และ ลุยส์ เอ็นริเก้ ขณะที่แนวรุกมีคู่กองหน้าเป็น โบนี และ มาร์คัส ทูรามม้านั่งสำรองมีผู้เล่นที่เป็นภัยคุกคามในเกมรุกสองคน ได้แก่ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ และ ชัลฮาโนกลู
เพียงสองนาทีหลังเริ่มเกม บาสโตนีทะลุขึ้นทางฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดบอลข้ามอย่างยอดเยี่ยม ทูลลัมวิ่งมาถึงอย่างแม่นยำและวอลเลย์เข้าประตูไป ช่วยให้อินเตอร์ มิลานออกสตาร์ทได้อย่างในฝันจังหวะของเกมยังคงเข้มข้นต่อเนื่อง หลังจากที่บาสโตนีซัดจากในกรอบเขตโทษในนาทีที่ 15 บอลพุ่งออกข้างไป อินเตอร์ยังคงรักษาแรงกดดันในเกมรุกไว้ได้ น่าเสียดายที่ในนาทีที่ 33 บิสเซ็คทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ออร์โซลินีสังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเยือกเย็น ทำให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1 และทั้งสองทีมเข้าสู่ช่วงพักครึ่งด้วยผลเสมอ
ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะเปลี่ยนสกอร์ในครึ่งหลัง ในนาทีที่ 54 ลูอิส เอนริเก้ ยิงอย่างทรงพลังจากด้านขวาของเขตโทษ แต่ถูกผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม และลูกยิงวอลเลย์ของดิมาร์โกในจังหวะต่อมา ก็ถูกปฏิเสธเช่นกันในนาทีที่ 74 ความพยายามของโจนาธาน รอนเนคเก้ ถูกผู้รักษาประตูรับไว้ได้อย่างสบาย เมื่อเวลาใกล้จะครบ 90 นาที การยิงไกลของฟาเบียนก็ถูกบล็อกไว้เช่นกัน เมื่อทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 หลังจากจบเวลาการแข่งขัน การแข่งขันจึงต้องเข้าสู่การดวลจุดโทษที่ตึงเครียดและน่าตื่นเต้น
ในช่วงการยิงจุดโทษ อินเตอร์ มิลาน ดูเหมือนจะทนแรงกดดันไม่ไหว โดย บาสโตนี, แบร์เรร่า และ โบนี ต่างยิงพลาดทั้งหมด ผู้รักษาประตูโบโลญญา ราวาเกลีย กลายเป็นฮีโร่ของแมตช์นี้ ไม่เพียงแต่เซฟจุดโทษสำคัญหลายครั้ง แต่ยังเซฟอีกห้าครั้งตลอดทั้งเกมเพื่อรักษาคลีนชีตและพาโบโลญญาผ่านเข้ารอบต่อไป
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้โบโลญญาสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเท่านั้น แต่ยังเป็นการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ด้วยการดวลจุดโทษครั้งแรกในรอบสามทศวรรษ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่หาได้ยากและเคยทำได้ครั้งล่าสุดในปี 1995โบโลญญาจะเผชิญหน้ากับนาโปลีในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งการปะทะกันของทีมม้านอกสายตาคู่นี้จะกลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของฤดูกาลในวงการฟุตบอลอิตาลีอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่อินเตอร์ มิลานต้องพลาดโอกาสทองในการท้าชิงแชมป์อย่างน่าเสียดาย พวกเขาจำเป็นต้องหาทางทะลุผ่านอุปสรรคด้วยการปรับเปลี่ยนแท็กติกเพื่อกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง






